วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

“น้ำหอม”

.......ก่อนอื่น คุณต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า “น้ำหอม” ที่คุณเรียกรวมๆ นั้น จริงๆ แล้วแบ่งประเภทตามความเข้มข้น ขอบกลิ่นได้ 3 ประเภทด้วยกันคือ
-Perfume น้ำหอมที่มีกลิ่นหอมแรงที่สุด แลสามารถติดทนนานบนผิวกาย ได้นานที่สุดประมาณ 5 – 7 ชั่วโมง
-Eau de Cologne น้ำหอมที่มีกลิ่นรองลงมาจาก Perfume ใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง กลิ่นจึงจางหาย
-Eau de Toilette น้ำหอมประเภทนี้จะมีกลิ่นติดตัว ประมาณ 1 – 3 ชั่วโมง เท่านั้นแต่จงจำไว้ว่า น้ำหอมยี่ห้อเดียวกันอาจจะมีกลิ่นที่แตกต่างกันได้ เนื่องจากปฏิกริยาทางเคมีที่ทำกับผิวหนัง เพราะฉะนั้นกลิ่นหอมๆ ที่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาอาจจะไม่เหมาะกับคุณก็ได้ ดังนั้นหากคุณได้ลองก่อนซื้อ ก็อย่าคิดว่าจะได้น้ำหอมที่เหมาะกับคุณที่สุด

ทำอย่างไรถึงจะเลือกโคโลนจ์ให้เข้ากับผิวได้ดีที่สุด

ผิวมัน หนุ่มๆ ที่มีผิวมัน ร่างกายจะผลิตน้ำมันมากกว่าปกติ น้ำมันเหล่านั้นจะเป็นตัวทำปฎิกริยากับน้ำหอม กลิ่นที่เหมาะกับคนผิวมันควรจะเป็นกลิ่นอ่อนๆ ซึ่งมีส่วนผสมของ Floral หรือ Citus เช่น Fahrenheit Summer for Men ของ Christian Dior, Kouros ของ Yves Saint Laurent, Tommy Jeans ของ Tommy Hilfiger

ผิวแห้ง เป็นโชคร้ายของคนผิวแห้ง เพราะกลิ่นจะไม่ติดทนนาน ควรเน้นกลิ่นที่ค่อนข้างแรงกว่าปกติ เช่น California North, Black ของ Kenneth Cole

ผิวแพ้ง่าย ส่วนผสมที่เป็นสารเคมีบางอย่างอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ดังนั้นควรเลือกกลิ่นที่มีส่วนผสมของสารธรรมชาติเป็นดีที่สุด เช่น Eruptable ของ Volcanic Earth, Gents Cologne Balm, Polo Blue ของ Raph Lauren


ส่วนผสมที่ต้องหลีกเลี่ยง

ส่วนผสมของโคโลนจ์บางอย่าง อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองของผิวหรืออาจถึงขั้นเป็นผื่นแดง การสังเกตส่วนผสมของโคโลนจ์อาจจะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านั้นได้ ส่วนผสมดังกล่าวได้แก่ Benzyl alcohol, Benzyl acetante, Benzaldehyde, Limonene, Linalool, A- pinene, Ethyl acetate และ Acetone เป็นต้น จำไว้ว่า หนุ่มเนื้อหอมก็ต้องมีตำแหน่งหนุ่มสุขภาพผิวดีพ่วงท้ายด้วย


เลือกกลิ่นอย่างไรดี

“การเลือกน้ำหอมก็เหมือนกับการเลือกคนรัก” Roja Dave ศาสตราจารย์ด้านน้ำหอมของ Guerlain กล่าวอย่าเพิ่งตกใจ เมื่อเดินไปตามเคาน์เตอร์ แล้วพบว่ามีโคโลนจ์หลากหลายกลิ่นให้เลือก คุณมี 4 ขั้นตอน เป็นผู้ช่วยในการตัดสินใจ

1. Pre-Screening ขอคำแนะนำจากพนักงาน โดยฉีดลงบนการ์ดหลายๆ กลิ่น เพื่อเป็นตัวเลือกว่ากลิ่นไหนที่ชอบหรือควรตัดออก ขั้นตอนนี้อาจจะทดสอบได้หลายกลิ่นเท่าที่ใจปรารถนา

2. Pick Up หลังจากได้กลิ่นมากพอในการตัดสินใจแล้ว ให้ตัดตัวเลือกที่ไม่ชอบออกไปมากที่สุด ขั้นตอนนี้อาจจะเลือกกลิ่นในใจเอาไว้ 2 – 3 กลิ่น3. Test เมื่อได้กลิ่นที่ถูกใจแล้ว ให้เดินกลับไปยังเคาน์เตอร์นั้นๆ อีกครั้ง แต่คราวนี้ให้ฉีดลงบนหลังมือหรือข้อพับแขน เพื่อทดสอบปฎิกริยาของโคโลนจน์ที่ทำกับผิวหนังเรา จากนั้นก็ไปเดินช้อปปิ้งหรือจิบกาแฟตามอัธยาศัย

4. Final ลองทดสอบกลิ่นที่ได้ฉีดไว้ตามร่างกาย ว่าชอบกลิ่นไหนมากที่สุดก็เลือกกลิ่นนั้นได้เลย เพราะเป็นโคโลนจ์ กลิ่นที่เหมาะกับคุณ


จะใช้เมื่อไหร่และอย่างไร

งานปาร์ตี้- Chrome Loris Azzaro, Pi Givenchy
ออกเดทDolce and Gabbana, D&G
งานกลางแดดAcqua Di Gio Giogio Armani, Hugo Hugo Boss
ช่วงเวลากลางวันCool Water Davidoff, Emporio Armani Giorgio Armani, Polo Sport Ralph Lauren, Le Male Jean Paul Gaultier, L’Eau D’Issey Issey Miyake, Herrera Carolina Herrera, Eternity Calvin Klein
ยู่ในที่ทำงาน – Dunhil Dunhil, Joop Nightflight Joop!


ข้อควรรู้กับการใช้โคโลนจ์

- ถ้าจมูกของคุณเริ่มไม่สามารถแยกกลิ่นได้แล้ว ลองไปนั่งจิบกาแฟสักพัก กลิ่นของกาแฟจะช่วยตัดกลิ่นอื่นๆ ที่ไปสูดดมมา ได้เป็นอย่างดี
- หลีกเลี่ยงการฉีดบนเสื้อผ้า นอกจากกลิ่นจะไม่ติดทนนานแล้ว เสื้อผ้าของคุณอาจเป็นรอยดวงๆ ไม่น่ามองอีกด้วย
- บริเวณที่ฉีดควรเป็นข้อพับแขน หลังหู ลำคอ หรือแม้กระทั่งข้อเท้าและข้อพับเข่า ล้วนเป็นจุดที่กลิ่นโคโลนจ์สามารถติดทนนานที่สุด
- เมื่อฉีดแล้ว ห้ามถูโดยเด็ดขาด หล่อยให้แห้งไปตามธรรมชาติเป็นดีที่สุด
- ขณะที่ฉีดให้ถือขวดห่างออกจากตัว 15 เซนติเมตร
- ถ้าจำเป็นต้องฉีดซ้ำในวันเดียวกัน ให้รอเวลานับจากการฉีดครั้งแรกไปประมาณ 8 – 9 ชั่วโมง เพราะส่วนผสมจะได้ไม่ทำปฎิกริยากันเอง
- การเก็บรักษาโคโลนจ์ของคุณในที่เย็น และแห้ง

1 ความคิดเห็น:

l3oom กล่าวว่า...

เป็นความรู้ดีครับ ^^