วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

10 วิธี..เสริมหล่อให้ดูดีตลอดกาล

1. รองเท้าสุดเท่ห์ stylish shoe

ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็นได้ จะเป็นตัวบอกได้ว่าคุณเป็นคนอย่างไร ถือว่าเป็นเครื่องประดับสิ่งแรกของผู้ชายที่ผู้หญิงจะมองก่อน สิ่งนี้ช่วยบอกได้ว่า คุณอยู่ตำแหน่งไหนของชีวิต มีบุคคลิกที่เหมาะกับตัวคุณเองแล้วรึยัง การดูว่าหนุ่มคนไหน เลือกใช้ชีวิตที่มีคุณภาพดีหรือไม่ เค้าบอกว่าสามารถดูได้จาก style การเลือกซื้อรองเท้านั่นเอง และให้สังเกตต่อไปถึงว่าเค้าเลือกใส่รองเท้า ได้เหมาะกับการแต่งตัวในแต่ละครั้งที่เจอกันหรือไม่ เพราะรองเท้าชายก็มีหลากสไตล์เช่นกัน ทั้งรองเท้าหนัง รองเท้าผ้าใบ รองเท้าลำลอง รองเท้าแตะแบบสาน หรือแม้แต่บู้ทหุ้มข้อ แต่ละแบบจะบ่งบอกสไตล์การแต่งตัวและการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน รวมทั้งเป็นตัวบอกด้วยว่าเราเป็นคนมีรสนิยมดีรึเปล่า

2. ทรงผมสุดเท่ห์
ผู้ชายมักตัดทรงผมที่ตัวเองชอบ ในยุค 1980 แล้วไม่เคยเปลี่ยนอีกเลย ดังนั้นถ้าหนุ่มคนไหนอยากเปลี่ยนลุค ควรไปหาช่างทำผมแล้วให้เค้าดีไซน์ให้เหมาะกะโครงหน้าและบุคคลิก เผื่อจะได้ลองเปลี่ยนตัวเองดูบ้าง เพื่อความแปลกใหม่ของชีวิต
ข้อแนะนำสำหรับคนที่ผมเริ่มร่วง คือ อย่าหวีป้ายมาปิด ไม่เป็นผลดีเด็ดขาด เช่นทรงผมของโดนัลด์ ทรัฟป์ ถ้าผมเริ่มน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ให้โกนทิ้งไปเลยจะดูเหมาะกว่า เช่น ฌอน คอนเนอรี่ และ เอ็ด แฮรีส ได้ทรงผมที่ดูเข้ากับตัวเองไปเลย อาจเพิ่มความเข้ม เติมความเก๋าด้วย การไว้เครานิดๆ แต่ที่สำคัญต้องดูไม่สกปรก


3.ชุดสูทตัดเนี๊ยบ
ดีไซน์เนอร์แนะนำว่า ถ้าหนุ่มคนไหนมีพุงเล็กๆ ควรเลือกใส่สูทแบบกระดุมแถวเดียวจะเหมาะสุด ถ้าเป็นกระดุมแบบสองแถวต้องสูงโปร่ง นอกจากนั้น การเลือกสูทสีเทาเข้ม จะทำให้ใส่แล้วดูหล่อเนี๊ยบมาก และการใส่สูทนั้นสามารถลดความเว่อร์ได้โดยเอาเนคไทออก
สิ่งที่ดีไซน์เนอร์เน้นคือ ถ้าสูทใส่แล้วไม่พอดีตัว จะทำให้ดูแก่ไปได้เลย ดังนั้นลองหาร้านที่มีช่างตัดเย็บดีๆ มืออาชีพ เลือกผ้าที่ดี แล้วควรส่งซักแห้งทุกครั้ง แค่นี้ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ดีแล้ว ที่จะสร้างความมั่นใจและบุคคลิกที่ดีให้ตัวเราเอง ลงทุนตัดสูทสักหนึ่งชุด แต่สามารถใส่ได้ทุกงาน แถมยังดูหล่อทุกงานก็น่าจะคุ้มค่า




4. ยีนส์คู่ใจ ที่ใส่ได้พอดีกับตัว
ปัจจัยสำคัญของยีนส์คือด้านหลังต้องดูสวย ถึงจะดูหุ่นดี ผู้ชายส่วนใหญ่จะเลือกที่ความสบายมากกว่าความพอดี เลยทำให้ไม่ค่อยได้สนใจกะทรงกางเกงยีนส์สักเท่าไหร่ พอใส่ออกมา ความดูดีเลยต่างกันแบบเห็นได้ชัด ยีนส์ที่ดี ไม่ควรรัดหรือหลวมเกินไป ดีไซน์เนอร์ฝากบอกว่า “ ให้จำไว้ว่า ยีนส์เอวต่ำไม่ได้ใส่แล้วจะดูดีกับทุกคน “ สำหรับหนุ่มใหญ่ ที่มีอายุแล้วควรใส่ยีนส์สีเข้มจะดูเหมาะกว่า แต่ถ้ายังวัยมันส์อยู่ ก็มีโอกาสเลือกใส่ได้หลากหลายสีกว่า
รุ่นที่บรรดา styilst ยอมรับว่าหุ่นสวยคือ ลีวายส์ 501 และแนะนำว่า ควรลองก่อน เลือกให้ทรงเหมาะกะรูปร่างมากที่สุด จะได้ออกมาดูดี เลือกซื้อยีนส์ไม่จำเป็นต้องตามแฟชั่น ขอเพียงแค่หาทรงที่เหมาะกะตัวเอง เพราะแต่ละคนหุ่นต่างกัน ใช่ว่าจะใส่เหมือนกันได้ทุกสไตล์


5.เล็บมือและเท้าสะอาดสะอ้าน
ง่ายๆแค่นี้ก็ดูดีแล้วสำหรับผู้ชาย การหมั่นตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ คนเราการรักษาความสะอาดเล็กน้อยๆนี่หล่ะ จะเป็นตัวบอกอะไรได้หลายอย่างทีเดียว ที่บางคนบอกว่า “ พูดด้วยมือ “ นอกจากนั้นเล็บเท้าผู้ชายก็ควรใส่ใจดูแล เช่นกัน อย่าปล่อยให้เป็นเล็บขบจนสุดเหยิน และการรักษาความสะอาดเท้า จะช่วยให้ หนุ่มๆใส่รองเท้าแตะช่วงซัมเมอร์ ได้แบบมั่นใจ แถมไม่มีกลิ่นเท้าด้วย มิฉะนั้นอาจนำมาสู่การเสียบุคคลิกอย่างแรง

6. เลือกเครื่องประดับที่ดูเข้ากะตัวเอง
ไม่ควรตามแฟชั่นจ๋า เช่นแนวย้อนยุค หรือรีโทรต่างๆ ซึ่งช่วงนี้อาจจะกำลังอินเทรนด์อยู่ อีกทั้งพวกเสื้อลายดอกพร้อย หรือสีสันเจ็บ ๆ ขอให้หลีกให้ไกลเลย ควรเน้นเป็นแนวเรียบง่าย หรือสลับกับสไตล์โก้หรูบ้าง น่าจะดูดีกว่า
เครื่องประดับของผู้ชาย ไม่มีอะไรมาก อาจเป็นแค่นาฬิกาข้อมือดีๆ เก๋ๆ สักเรือนนึง ก็พอที่จะบ่งบอกอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับหนุ่มคนนั้น ทั้งความชอบ และสไตล์ นอกจากนั้นอาจมีแบบลำลองไว้อีกสักเรือนนึง เป็นการสื่อให้เห็นถึงรสนิยมของแฟชั่น ที่เรารู้จักเสริมเข้าไปในการแต่งตัวนิดๆ คล้ายกับการรู้จักเลือก สร้อยคอ หรือต่างหู ของผู้หญิงนั่นเอง ว่าดูแล้วเหมาะกับการแต่งตัวในแต่ละชุดหรือไม่ นอกจากนั้นเครื่องประดับอย่างอื่นของหนุ่มๆ ที่พอจะไปกันได้ เช่นกระเป๋าสะพายบ่า ส่วนกระเป๋าตังค์ก็ควรเลือกไซส์ให้พอดี กับการใส่ด้านหลังของกางเกงสแลคหรือยีนส์ ซึ่งทำให้ดูแล้วไม่ตุงด้านหลังจนน่าเกลียด


7. โกนหนวดเคราให้เรียบร้อย
ไม่ให้ยุบยับมากไปจนเกินงาม เพราะจะทำให้ใบหน้าดูสกปรก รกตาอย่างมาก หนุ่มๆควรจะมีกรรไกรเล็กๆ ไว้เล็มขนจมูก ขนหู หนวดเครา คงไม่มีสาวคนไหน อยากเดินกะกอริลล่าหรอก จริงมั้ย การเล็มขนพวกนี้ จะทำให้ผู้ชายดูสะอาดสะอ้าน เนี๊ยบเรียบร้อยขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตาเลยหล่ะ และนี่หล่ะเสน่ห์ที่มีอยู่ในตัวหนุ่ม ๆ สาวๆ ส่วนใหญ่มักชอบหนุ่มที่ดูสะอาดหมดจด ไม่ใช่ดูซกม๊ก สกปรกนะ
อ้อ..และtips สำหรับหนุ่มที่มีหนวดเคราเยอะ ที่เหล่า stylist เค้าฝากไว้ ก็คือ ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น จะทำให้หนวดนิ่มลง เวลาโกนจะได้ไม่เสียดสีผิวมากนัก และจะได้ไม่เหลือให้เห็นเป็นสะเก็ดแผล

8. เลือกกรอบแว่นตาที่ดูดี ทั้งแว่นสายตา และแว่นกันแดด
กฎข้อสำคัญคือ ต้องเลือกกรอบแว่นให้เหมาะสมโดยดูรูปหน้าของตัวเองเป็นหลัก และให้เหมาะกะการใช้ได้ในชีวิตประจำวันด้วย ถ้าต้องการเพิ่มความเท่ห์ ควรมีแว่นกันแดดติดตัวไว้อีก 1 อัน โดยเลือกที่ดูเหมาะกะโครงหน้าเช่นกัน ที่สำคัญคือ แว่นกันแดดต้องเลือกให้ดี ไม่ควรใส่ออกมาแล้วดูเหมือนคนตาบอด
คำแนะนำของ stylist คือ ทรงรูปหยดน้ำ จะเหมาะกะรูปหน้าของผู้ชายส่วนใหญ่ เพราะจะช่วยเสริมให้โหนกแก้มดูดี เช่นทรง ray ban จึงกลายเป็นทรงที่ฮิตได้ตลอดกาล และควรหลีกเลี่ยงเลนส์กันแดดที่ฉาบปรอท หรือเลนส์สะท้อนแวววับ เพราะจะทำให้เอ้าท์ได้เร็วมาก แถมดูแล้วไม่ค่อยมีรสนิยมด้วย


9. ควรใช้ moisturizer ดูแลผิวซะบ้าง
ส่วนใหญ่แล้วหนุ่มๆ มักจะปล่อยปละละเลยในเรื่องนี้ บางคนอยากใช้แต่กลัวโดนล้อ ว่าเป็นสาวแตกอะไรประมาณนี้ แต่ถ้าหนุ่มๆ หันมาดูแลตัวเองสักนิด จะดีมากเลยนะ เพราะที่จริงแล้วผิวของผู้ชาย จะไม่ค่อยเกิดการระคายเคืองมากนัก เพราะไม่มีสารเคมีของเมคอัพ ตกค้างบนใบหน้าเหมือนผู้หญิง ฉะนั้นถ้าผู้ชายดูแลตัวเองซะหน่อย โอกาสที่ผิวจะเกลี้ยงเนียนนั้นก็มีสูง
ขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย เพียงแค่ใส่ใจกับล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้ง เพื่อเอาคราบฝุ่นสกปรกที่ติดอยู่บนใบหน้าออกให้เกลี้ยง แล้วตามด้วย moisturizer เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและเรียบเนียนให้แก่ผิว หน้าจะได้ไม่แห้งเป็นขุยขาวๆ และเป็นการยืดเวลาของผิวให้ความหล่อเหลาอยู่คู่กะคุณหนุ่มๆ ได้อย่างนาน
คำแนะนำของ stylist เพิ่มเติมก็คือ วันไหนที่หนุ่มๆ มีเวลา อาจใช้ครีมหรือโฟม สำหรับขัดผิวหน้า เพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่จะก่อให้เกิดการอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของสิว และเป็นการชำระล้างรูขุมขนให้สะอาดได้เป็นอย่างดี แถมช่วยให้หน้าขาวใสขึ้นอีกต่างหาก ทำแค่อาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว


10. กลิ่นกายหอม....การเลือกน้ำหอมที่ถูกกะบุคคลิก ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น
และกลิ่นที่เหล่า stylist ลงความเห็นว่าน่าจะเหมาะกะคุณหนุ่มๆ ที่สุดคือ กลิ่นหอมสดชื่นที่สกัดจาก ส้ม มะนาว หรือว่า จะเป็นกลิ่นที่ออกแนวหอมแบบสะอาดๆ ก็ได้ค่ะ เค้าว่ากลิ่นประเภทนี้จะช่วยให้ผู้ชายดูมีเสน่ห์ น่าค้นหามากยิ่งขึ้นค่ะ แต่เค้าก็มีข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆ นะคะว่า คุณหนุ่มๆไม่ควรฉีดน้ำหอมในปริมาณที่มากเกินไป เพราะส่วนใหญ่แล้วน้ำหอมชายกลิ่นจะค่อนข้างฉุนอยู่เหมือนกันค่ะ ดังนั้นควรเลือกใช้ประเภท Cologne น่าจะดีกว่า เพราะจะให้กลิ่นที่หอมกำลังดี ไม่แรงมากเท่า perfume

“น้ำหอม”

.......ก่อนอื่น คุณต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า “น้ำหอม” ที่คุณเรียกรวมๆ นั้น จริงๆ แล้วแบ่งประเภทตามความเข้มข้น ขอบกลิ่นได้ 3 ประเภทด้วยกันคือ
-Perfume น้ำหอมที่มีกลิ่นหอมแรงที่สุด แลสามารถติดทนนานบนผิวกาย ได้นานที่สุดประมาณ 5 – 7 ชั่วโมง
-Eau de Cologne น้ำหอมที่มีกลิ่นรองลงมาจาก Perfume ใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง กลิ่นจึงจางหาย
-Eau de Toilette น้ำหอมประเภทนี้จะมีกลิ่นติดตัว ประมาณ 1 – 3 ชั่วโมง เท่านั้นแต่จงจำไว้ว่า น้ำหอมยี่ห้อเดียวกันอาจจะมีกลิ่นที่แตกต่างกันได้ เนื่องจากปฏิกริยาทางเคมีที่ทำกับผิวหนัง เพราะฉะนั้นกลิ่นหอมๆ ที่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาอาจจะไม่เหมาะกับคุณก็ได้ ดังนั้นหากคุณได้ลองก่อนซื้อ ก็อย่าคิดว่าจะได้น้ำหอมที่เหมาะกับคุณที่สุด

ทำอย่างไรถึงจะเลือกโคโลนจ์ให้เข้ากับผิวได้ดีที่สุด

ผิวมัน หนุ่มๆ ที่มีผิวมัน ร่างกายจะผลิตน้ำมันมากกว่าปกติ น้ำมันเหล่านั้นจะเป็นตัวทำปฎิกริยากับน้ำหอม กลิ่นที่เหมาะกับคนผิวมันควรจะเป็นกลิ่นอ่อนๆ ซึ่งมีส่วนผสมของ Floral หรือ Citus เช่น Fahrenheit Summer for Men ของ Christian Dior, Kouros ของ Yves Saint Laurent, Tommy Jeans ของ Tommy Hilfiger

ผิวแห้ง เป็นโชคร้ายของคนผิวแห้ง เพราะกลิ่นจะไม่ติดทนนาน ควรเน้นกลิ่นที่ค่อนข้างแรงกว่าปกติ เช่น California North, Black ของ Kenneth Cole

ผิวแพ้ง่าย ส่วนผสมที่เป็นสารเคมีบางอย่างอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ดังนั้นควรเลือกกลิ่นที่มีส่วนผสมของสารธรรมชาติเป็นดีที่สุด เช่น Eruptable ของ Volcanic Earth, Gents Cologne Balm, Polo Blue ของ Raph Lauren


ส่วนผสมที่ต้องหลีกเลี่ยง

ส่วนผสมของโคโลนจ์บางอย่าง อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองของผิวหรืออาจถึงขั้นเป็นผื่นแดง การสังเกตส่วนผสมของโคโลนจ์อาจจะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านั้นได้ ส่วนผสมดังกล่าวได้แก่ Benzyl alcohol, Benzyl acetante, Benzaldehyde, Limonene, Linalool, A- pinene, Ethyl acetate และ Acetone เป็นต้น จำไว้ว่า หนุ่มเนื้อหอมก็ต้องมีตำแหน่งหนุ่มสุขภาพผิวดีพ่วงท้ายด้วย


เลือกกลิ่นอย่างไรดี

“การเลือกน้ำหอมก็เหมือนกับการเลือกคนรัก” Roja Dave ศาสตราจารย์ด้านน้ำหอมของ Guerlain กล่าวอย่าเพิ่งตกใจ เมื่อเดินไปตามเคาน์เตอร์ แล้วพบว่ามีโคโลนจ์หลากหลายกลิ่นให้เลือก คุณมี 4 ขั้นตอน เป็นผู้ช่วยในการตัดสินใจ

1. Pre-Screening ขอคำแนะนำจากพนักงาน โดยฉีดลงบนการ์ดหลายๆ กลิ่น เพื่อเป็นตัวเลือกว่ากลิ่นไหนที่ชอบหรือควรตัดออก ขั้นตอนนี้อาจจะทดสอบได้หลายกลิ่นเท่าที่ใจปรารถนา

2. Pick Up หลังจากได้กลิ่นมากพอในการตัดสินใจแล้ว ให้ตัดตัวเลือกที่ไม่ชอบออกไปมากที่สุด ขั้นตอนนี้อาจจะเลือกกลิ่นในใจเอาไว้ 2 – 3 กลิ่น3. Test เมื่อได้กลิ่นที่ถูกใจแล้ว ให้เดินกลับไปยังเคาน์เตอร์นั้นๆ อีกครั้ง แต่คราวนี้ให้ฉีดลงบนหลังมือหรือข้อพับแขน เพื่อทดสอบปฎิกริยาของโคโลนจน์ที่ทำกับผิวหนังเรา จากนั้นก็ไปเดินช้อปปิ้งหรือจิบกาแฟตามอัธยาศัย

4. Final ลองทดสอบกลิ่นที่ได้ฉีดไว้ตามร่างกาย ว่าชอบกลิ่นไหนมากที่สุดก็เลือกกลิ่นนั้นได้เลย เพราะเป็นโคโลนจ์ กลิ่นที่เหมาะกับคุณ


จะใช้เมื่อไหร่และอย่างไร

งานปาร์ตี้- Chrome Loris Azzaro, Pi Givenchy
ออกเดทDolce and Gabbana, D&G
งานกลางแดดAcqua Di Gio Giogio Armani, Hugo Hugo Boss
ช่วงเวลากลางวันCool Water Davidoff, Emporio Armani Giorgio Armani, Polo Sport Ralph Lauren, Le Male Jean Paul Gaultier, L’Eau D’Issey Issey Miyake, Herrera Carolina Herrera, Eternity Calvin Klein
ยู่ในที่ทำงาน – Dunhil Dunhil, Joop Nightflight Joop!


ข้อควรรู้กับการใช้โคโลนจ์

- ถ้าจมูกของคุณเริ่มไม่สามารถแยกกลิ่นได้แล้ว ลองไปนั่งจิบกาแฟสักพัก กลิ่นของกาแฟจะช่วยตัดกลิ่นอื่นๆ ที่ไปสูดดมมา ได้เป็นอย่างดี
- หลีกเลี่ยงการฉีดบนเสื้อผ้า นอกจากกลิ่นจะไม่ติดทนนานแล้ว เสื้อผ้าของคุณอาจเป็นรอยดวงๆ ไม่น่ามองอีกด้วย
- บริเวณที่ฉีดควรเป็นข้อพับแขน หลังหู ลำคอ หรือแม้กระทั่งข้อเท้าและข้อพับเข่า ล้วนเป็นจุดที่กลิ่นโคโลนจ์สามารถติดทนนานที่สุด
- เมื่อฉีดแล้ว ห้ามถูโดยเด็ดขาด หล่อยให้แห้งไปตามธรรมชาติเป็นดีที่สุด
- ขณะที่ฉีดให้ถือขวดห่างออกจากตัว 15 เซนติเมตร
- ถ้าจำเป็นต้องฉีดซ้ำในวันเดียวกัน ให้รอเวลานับจากการฉีดครั้งแรกไปประมาณ 8 – 9 ชั่วโมง เพราะส่วนผสมจะได้ไม่ทำปฎิกริยากันเอง
- การเก็บรักษาโคโลนจ์ของคุณในที่เย็น และแห้ง

Funeral For A Friend - Tales Don't Tell Themselves

5 หนุ่มวงโมเดิร์นร็อค-โพสท์ฮาร์ดคอร์ แถวหน้าจากเกาะอังกฤษ กับผลงานสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 3 Tales Don’t Tell Themselves เปิดตัวกับซิงเกิ้ลสุดเท่ห์ ‘Into Oblivion (Reunion)’ เมื่อปี 2004 อัลบั้มชุดแรกของพวกเขาทำยอดขายถึงระดับโกลด์ในอังกฤษ เป็นวงเฮดไลน์งานคอนเสิร์ตใหญ่ๆมาแล้วมากมายทั้ง Leeds Festival, NME Awards Tour และยังได้ร่วมทัวร์กับสุดยอดวงร็อคอย่าง Linkin Park มาแล้ว รางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจาก Kerrang Award เป็นอีกเครื่องพิสูจน์ความเจ๋งของพวกเขา

Track List


1. Into Oblivion (Reunion)

2. The Great Wide Open

3. The Diary

4. On a Wire

5. All Hands on Deck - Part 1: Raise the Sail

6. All Hands on Deck - Part 2: Open Water

7. Out of Reach

8. One for the Road

9. Walk Away

10. The Sweetest Wave



The Used - Lies For The Liars



......วง Alternative Rock แนว Emocore จากยูท่า สหรัฐอเมริกา ที่ก่อตั้งวงกันมาตั้งแต่ปี 2001 กับสมาชิก 4 หนุ่มพันธ์ร็อค ที่ดังควบคู่มากับ My Chemical Romance กลับมาร็อคอีกครั้งกับสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 3 ที่ใช้ชื่อชุดว่า Lies For The Liars ที่หลีกหนีจากคำจำกัดความของคำว่า ‘emo’ หรือ ‘screamo’ เพราะดนตรีของพวกเขามีอะไรมากกว่านั้น เปิดตัวกับซิงเกิ้ลแรกชื่อว่า ‘The Bird And The Worm’ เพลงร็อคสุดเท่ห์สุดมันส์ที่จะมาเขย่าโลกของคุณ พวกเขาตระเวนทัวร์ทั่วอเมริกาเหนือในเดือนเมษายน 2007 และเป็นวงที่มีคนเฝ้ารอดูมากที่สุด พวกเขาออกอัลบั้มมาแล้ว 2 ชุด ซึ่งมียอดขายถึงระดับโกลด์ทั้งคู่ และยังมีเพลงฮิตติดชาร์ตโมเดิร์นร็อคอยู่หลายเพลงเลยทีเดียว แฟนตัวจริงห้ามพลาด !!!
Tract List

1.The Ripper
2.Pretty Handsome Awkward
3.The Bird and the Worm
4.Earthquake
5.Hospital
6.Paralyzed
7.With Me Tonight
8.Wake the Dead
9.Find a Way
10.Liar, Liar (Burn in Hell)
11.Smother Me